ความก้าวหน้าทางการวิจัยจากการประชุมนานาชาติสมาคมอัลไซเมอร์ 2025

โตรอนโต, 31 กรกฎาคม 2568 /PRNewswire/ — ผลการวิจัยใหม่จากการประชุมนานาชาติสมาคมอัลไซเมอร์ 2025 (AAIC®) แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูงเกี่ยวกับความเสี่ยง การวินิจฉัย และการรักษาโรคอัลไซเมอร์ รวมถึงภาวะสมองเสื่อมอื่น ๆ ประเด็นสำคัญประกอบด้วย:

  • การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตสองแบบในการทดลองทางคลินิก POINTER ของสหรัฐอเมริกา ช่วยพัฒนากระบวนการรับรู้ในผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อภาวะเสื่อมถอยทางสติปัญญา การแทรกแซงแบบมีโครงสร้างพร้อมการสนับสนุนและความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับการแทรกแซงด้วยตนเอง ซึ่งช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อมตามปกติที่เกี่ยวข้องกับอายุได้นานถึงสองปี
  • สมาคมอัลไซเมอร์เผยแพร่แนวปฏิบัติทางคลินิกฉบับแรกเกี่ยวกับการใช้การทดสอบไบโอมาร์กเกอร์ในเลือดโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์
  • ข้อมูลจากการศึกษาห้าชิ้นระบุว่า การใช้ยาสามัญร่วมกันเพื่อรักษาความดันโลหิต คอเลสเตอรอล และโรคเบาหวาน อาจช่วยชะลอความเสื่อมของสมองได้
  • การศึกษาในผู้คนกว่า 600,000 รายบ่งชี้ว่า ตะกั่วในบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมอาจเชื่อมโยงกับปัญหาความจำในอีก 50 ปีต่อมา
  • การเดินและการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอื่น ๆ อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมสูงสุดต่อโรคอัลไซเมอร์ นั่นคือยีน APOE4
  • ผลการศึกษาครั้งแรกจาก “โลกแห่งความเป็นจริง” เกี่ยวกับยารักษาโรคอัลไซเมอร์ชนิดใหม่ที่ออกฤทธิ์จำเพาะต่อโปรตีนอะไมลอยด์ ยืนยันผลการทดลองทางคลินิกระยะสุดท้าย และผู้ป่วยแสดงความพึงพอใจ
  • การศึกษาระยะยาวครั้งแรกพบว่า การเข้าร่วมในโครงการช่วยเหลือโภชนาการเสริมของสหรัฐอเมริกา (SNAP) เชื่อมโยงกับการชะลอภาวะเสื่อมถอยทางสติปัญญา
  • งานวิจัยใหม่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความแตกต่างที่สำคัญระหว่างเพศในด้านสุขภาพสมอง รวมถึงผลกระทบของการบาดเจ็บที่สมองต่อผู้หญิงและผู้ชายซึ่งแตกต่างกัน และความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับอาการทางปัญญาสำหรับผู้หญิงที่ได้รับเคมีบำบัดเพื่อรักษามะเร็งเต้านม

AAIC คือการประชุมประจำปีชั้นนำสำหรับการนำเสนอและอภิปรายงานวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อม การประชุมในปีนี้ที่โตรอนโตดึงดูดผู้เข้าร่วมซึ่งลงทะเบียนเกือบ 19,000 ชีวิต และมีผลงานทางวิทยาศาสตร์ที่ส่งเข้าประกวดมากกว่า 6,400 ชิ้น

ผลการศึกษาเชิงบวกจากโครงการศึกษาการปกป้องสุขภาพสมองของสหรัฐอเมริกาผ่านการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อลดความเสี่ยง (U.S. POINTER)

สมาคมอัลไซเมอร์แห่งสหรัฐอเมริกา ศึกษาเพื่อปกป้องสุขภาพสมองผ่านการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อลดความเสี่ยง (U.S. POINTER) ซึ่งเป็นการทดลองทางคลินิกแบบหลายสถานที่เป็นเวลาสองปีเพื่อทดสอบการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตสองแบบที่แตกต่างกันในกลุ่มประชากรผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อภาวะเสื่อมถอยทางสติปัญญาและภาวะสมองเสื่อม พบว่าการปรับเปลี่ยนทั้งสองแบบช่วยพัฒนาทักษะการรับรู้ในผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อภาวะเสื่อมถอยทางสติปัญญา

ผู้เข้าร่วมการทดลองในกลุ่มการแทรกแซงแบบมีโครงสร้างแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการด้านการรับรู้โดยรวมที่ดีขึ้นกว่ากลุ่มการแทรกแซงแบบควบคุมด้วยตนเอง ซึ่งช่วยป้องกันภาวะเสื่อมถอยตามปกติที่เกี่ยวข้องกับอายุได้นานถึงสองปี นั่นหมายความว่า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ควบคุมด้วยตนเอง ผู้เข้าร่วมในกลุ่มแบบมีโครงสร้างมีสมรรถนะเทียบเท่ากับผู้ใหญ่ซึ่งมีอายุน้อยกว่าหนึ่งถึงเกือบสองปี อันน่าจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการรับมือกับภาวะเสื่อมถอยทางสติปัญญา

คุณประโยชน์พิเศษดังกล่าวมีความคล้ายคลึงกันในทุกกลุ่มย่อยของผู้เข้าร่วมโครงการ U.S. POINTER โดยไม่คำนึงถึงเพศ เชื้อชาติ ความเสี่ยงทางพันธุกรรม หรือสุขภาพหัวใจ (ความดันโลหิต คอเลสเตอรอล และระดับน้ำตาลกลูโคส) ผู้เข้าร่วมกว่า 30% มาจากกลุ่มที่ไม่ค่อยได้รับความสำคัญในการวิจัยภาวะสมองเสื่อมมาโดยตลอด

ทั้งสองกลุ่มให้ความสำคัญกับการเพิ่มกิจกรรมทางกาย การปรับปรุงโภชนาการ ความท้าทายทางสติปัญญาและสังคม รวมถึงการติดตามสุขภาพ การแทรกแซงแบบมีโครงสร้างแตกต่างจากการแทรกแซงแบบควบคุมด้วยตนเองทั้งในด้านความเข้มข้น โครงสร้าง ความรับผิดชอบ และการสนับสนุนที่ได้รับ

โครงการ U.S. POINTER เป็นการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมขนาดใหญ่ที่เข้มงวด ผลลัพธ์เชิงบวกเหล่านี้ตอกย้ำข้อความที่ว่าพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพส่งผลอย่างมากต่อสุขภาวะของสมอง และกระตุ้นให้เราพิจารณาศักยภาพของการผสานโปรแกรมการดำเนินชีวิตและการรักษาด้วยยา ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติขั้นต่อไปในการต่อสู้กับภาวะเสื่อมถอยทางสติปัญญาและอาจรวมถึงภาวะสมองเสื่อม

อ่านข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับผลการศึกษาของ U.S. POINTER

แนวปฏิบัติทางคลินิกฉบับแรกสำหรับการทดสอบไบโอมาร์กเกอร์ในเลือดจากการวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์

สมาคมอัลไซเมอร์เผยแพร่แนวปฏิบัติทางคลินิก (CPG) ฉบับแรกซึ่งอ้างอิงหลักฐานเชิงประจักษ์เกี่ยวกับการใช้การทดสอบไบโอมาร์กเกอร์ในเลือด (BBM) ณ งานประชุม AAIC 2025 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการปฏิรูปการวินิจฉัยและการจัดการโรคอัลไซเมอร์ ณ สถานพยาบาลเฉพาะทาง CPG ให้คำแนะนำที่เข้มงวดและอิงหลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อช่วยให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถใช้การทดสอบ BBM ได้อย่างมั่นใจและสม่ำเสมอมากขึ้น

คำแนะนำเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่ผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา อาทิ ประสาทวิทยา จิตเวชศาสตร์ ผู้สูงอายุ และอื่น ๆ ที่ต้องการวินิจฉัยและประเมินความบกพร่องทางสติปัญญา รวมถึงอ้างอิงจากการทบทวนหลักฐานที่มีอยู่จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2567

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญสามารถใช้การทดสอบ BBM เป็นเครื่องมือคัดกรองในการวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์ได้ เมื่อการทดสอบมีความไวอย่างน้อย 90% และความจำเพาะ 75% อย่างไรก็ดี การทดสอบคัดกรองที่เป็นบวกควรได้รับการยืนยันด้วยการทดสอบแบบดั้งเดิมร่วมด้วยเสมอ อาทิ การถ่ายภาพน้ำไขสันหลัง (CSF) หรือการตรวจเอกซเรย์ปล่อยโพซิตรอนอะไมลอยด์ (PET) แนวทางดังกล่าวอนุญาตให้ใช้การทดสอบ BBM ที่มีความไวอย่างน้อย 90% และความจำเพาะ 90% แทนการถ่ายภาพ PET หรือการตรวจ CSF ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการทดสอบ BBM ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดหลายรายการยังไม่ผ่านเกณฑ์เหล่านี้

CPG นี้เป็นส่วนหนึ่งของ ALZPro จากสมาคมอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทรัพยากรและเครื่องมือที่ครอบคลุมสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และนักวิจัยจากหลากหลายสาขา เพื่อลดความเสี่ยง ส่งเสริมการตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ยกระดับการดูแล ตลอดจนขยายการเข้าถึงที่เท่าเทียมสำหรับทุกชุมชน

อ่านข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติทางคลินิกสำหรับการทดสอบไบโอมาร์กเกอร์จากเลือด

การบำบัดด้วยยาหัวใจแบบผสมผสานอาจช่วยปกป้องสมองได้

การใช้ยาทั่วไปหลายชนิดร่วมกันเพื่อรักษาความดันโลหิต คอเลสเตอรอล และโรคเบาหวาน อาจมีคุณประโยชน์เพิ่มเติมคือ ช่วยลดภาวะเสื่อมถอยทางสติปัญญา การศึกษาในผู้สูงอายุกว่า 4,500 รายแสดงให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมที่ใช้ยาหลายชนิดซึ่งมุ่งเป้าไปที่ภาวะหลอดเลือดหรือภาวะเมตาบอลิซึม มีคะแนนการทดสอบทางปัญญาใกล้เคียงกับผู้ที่มีอายุน้อยกว่าสามปี ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทราบกันดีของภาวะสมองเสื่อม       

ผู้เข้าร่วมที่ใช้ยาหลอดเลือดสามชนิดร่วมกันได้รับผลทางสมองในเชิงบวกมากที่สุด นอกจากนี้ อวัยวะดังกล่าวยังแสดงสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์น้อยลงในการชันสูตรศพ สำหรับผู้ที่ใช้ยาเพียงสองชนิด การจับคู่ที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับการปกป้องสมองคือยาความดันโลหิตและคอเลสเตอรอล

มลพิษตะกั่วเชื่อมโยงกับปัญหาความจำในผู้สูงอายุ

ระดับมลพิษในอดีตจากยุคน้ำมันเบนซินผสมตะกั่วอาจเป็นสาเหตุของปัญหาทางสมองในอีก 50 ปีข้างหน้า จากการศึกษาวิจัยครั้งแรก บรรดานักวิจัยติดตามผลกระทบของการสัมผัสสารตะกั่วในอากาศระหว่างปี 2503-2517 ซึ่งเป็นช่วงที่การใช้น้ำมันเบนซินผสมตะกั่วมีปริมาณสูงสุด ส่งผลต่อสุขภาพสมองในภายหลัง รายงานประเมินว่าประชากรครึ่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 170 ล้านคนได้รับสารตะกั่วในระดับสูงในช่วงวัยเด็ก

อนึ่ง บรรดานักวิจัยเชื่อมโยงข้อมูลมลพิษจากช่วงทศวรรษที่ 60 และ 70 เข้ากับการศึกษาร่วมสมัยที่ดำเนินการระหว่างปี 2555 ถึง 2560 โดยประเมินว่า 17 ถึง 22% ของประชากรซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีสารตะกั่วในบรรยากาศระดับปานกลางหรือสูง รายงานว่ามีปัญหาด้านความจำ แม้ว่าก๊าซตะกั่วจะถูกยกเลิกไปนานแล้ว แต่แหล่งสัมผัสอื่น ๆ ยังคงอยู่ อาทิ สีตะกั่วเก่า ท่อน้ำ และมลพิษทางอุตสาหกรรม ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าผู้ที่เคยได้รับสารตะกั่วในอดีตควรให้ความสำคัญกับการลดปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ของภาวะสมองเสื่อม รวมถึงการจัดการความดันโลหิตสูง การเลิกสูบบุหรี่ และการหลีกเลี่ยงการแยกตัวทางสังคม

อ่านข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับมลพิษตะกั่วและปัญหาด้านความจำ

การเปลี่ยนวิถีชีวิตอาจเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ที่มียีนเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์

ข้อมูลจากการศึกษานานาชาติขนาดใหญ่สามฉบับตลอดทศวรรษที่ผ่านมาระบุว่า ผู้ที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมต่อโรคอัลไซเมอร์สูงกว่าอาจได้รับประโยชน์สูงสุดจากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพ เช่น การเดิน ยิ่งไปกว่านั้น ผู้สูงอายุที่มียีนเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ หรือ APOE4 ได้รับประโยชน์ด้านสติปัญญาจากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่ไม่ใช้ยา เช่น การออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร และการฝึกทักษะสมอง มากกว่าผู้ที่ไม่มียีนเสี่ยง

ในการศึกษาดังกล่าวพบว่าการเดินเป็นนิสัยที่ดีต่อสุขภาพซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดในการชะลอภาวะเสื่อมถอยทางสติปัญญา เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพอื่น ๆ กุญแจสำคัญคือการทำให้เป็นนิสัย เนื่องจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการยึดมั่นในพฤติกรรมนี้อย่างน้อยสองปีจะส่งผลดีต่อสมองได้นานถึงเจ็ดปี

ผู้เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือด้านอาหาร SNAP มีภาวะเสื่อมถอยทางสติปัญญาช้าลง

งานวิจัยใหม่ที่รายงานในการประชุม AAIC 2025 ระบุว่า ผู้ที่เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือด้านโภชนาการเสริมของสหรัฐอเมริกา (SNAP) มีภาวะสมองเสื่อมช้าลงในช่วง 10 ปี เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วม บรรดานักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบข้อมูลจากการศึกษาตัวแทนระดับชาติเกี่ยวกับสุขภาพและการเกษียณอายุ เพื่อเปรียบเทียบผู้เข้าร่วมโครงการ SNAP ซึ่งช่วยเหลือบุคคลและครอบครัวที่มีรายได้น้อยในการซื้ออาหาร กับผู้ที่มีสิทธิ์แต่ไม่ได้เข้าร่วม

พวกเขาพบว่าผู้เข้าร่วมโครงการ SNAP มีการชะลอของภาวะสมองเสื่อมโดยรวมช้าลง 0.10% ความแตกต่างดังกล่าวมีความสำคัญในระยะยาว โดยจะส่งผลต่อสุขภาวะของสมองเพิ่มขึ้นประมาณสองถึงสามปีตลอดระยะเวลา 10 ปีของการศึกษา

กลุ่มศึกษาที่ประกอบด้วยผู้เข้าร่วมโครงการ SNAP จำนวน 1,131 รายมีทั้งคนผิวขาว คนผิวดำ และชาวฮิสแปนิก กลุ่มควบคุมประกอบด้วยผู้มีสิทธิ์ SNAP จำนวน 1,216 ราย แต่ไม่ได้เข้าร่วม นักวิจัยพบว่าทุกกลุ่มได้รับประโยชน์ แต่ผู้เข้าร่วมผิวขาวมีภาวะถดถอยช้ากว่ากลุ่มอื่น ๆ มาก ผลการวิจัยดังกล่าวเน้นย้ำถึงประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการช่วยเหลือด้านอาหารเพื่อสนับสนุนสุขภาพทางปัญญาของผู้สูงอายุ

อ่านข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับประโยชน์ของ SNAP และการชะลอตัวของภาวะเสื่อมถอยทางสติปัญญา

ผลการศึกษาจริงของยารักษาโรคอัลไซเมอร์ชนิดใหม่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความพึงพอใจของผู้ป่วย

แม้ว่ายาต้านอะไมลอยด์สำหรับโรคอัลไซเมอร์ชนิดใหม่ที่เพิ่งวางจำหน่ายจะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการทดลองทางคลินิกที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด แต่ก็ยังไม่ได้รับการทดสอบในสภาพแวดล้อมจริงจนกระทั่งปัจจุบัน บทคัดย่อหลายสิบฉบับที่รายงาน ณ การประชุม AAIC 2025 แสดงให้เห็นว่าประสบการณ์จริงกับยา lecanemab และ donanemab มอบความปลอดภัยที่เทียบเท่าหรือดีกว่าการทดลองทางคลินิกขนาดใหญ่ อีกทั้งผู้ป่วยก็พึงพอใจกับผลลัพธ์

ทั้งนี้ บรรดานักวิจัยติดตามความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยาในผู้ป่วยจากหลากหลายสถานที่ อาทิ คลินิกในสหรัฐอเมริกา ศูนย์ดูแลความจำ และมหาวิทยาลัยนานาชาติ เว็บไซต์สองสามแห่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายอัลไซเมอร์เพื่อการรักษาและวินิจฉัยโรค (ALZ-NET) ซึ่งก่อตั้งโดยสมาคมอัลไซเมอร์เพื่อรวบรวมข้อมูลจากสถานการณ์จริงโดยสมัครใจเกี่ยวกับผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแบบใหม่ ติดตามสุขภาพในระยะยาว รวมถึงแบ่งปันข้อมูลกับบรรดานักวิทยาศาสตร์และคณะแพทย์

ข้อมูลเชิงลึกใหม่เกี่ยวกับความแตกต่างด้านสุขภาวะทางปัญญาระหว่างผู้ชายและผู้หญิง

งานวิจัยใหม่ซึ่งประกาศในงาน AAIC 2025 เผยให้เห็นความแตกต่างที่สำคัญระหว่างผู้ชายและผู้หญิงซึ่งมีความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์และโรคอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อม การศึกษาหนึ่งพบว่าการบาดเจ็บที่สมอง (TBIs ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่รู้จักกันดีของภาวะสมองเสื่อม) มีแนวโน้มที่จะทำให้บริเวณสมองซึ่งเกี่ยวข้องกับภาวะสมองเสื่อมในผู้หญิงหดตัวลงมากกว่าผู้ชาย อีกงานวิจัยหนึ่งศึกษา “ภาวะสมองล้าจากเคมีบำบัด” ซึ่งเป็นอาการที่ความคิดและความจำถดถอยจากการรายงานโดยผู้หญิงประมาณหนึ่งในสามที่ได้รับเคมีบำบัดมะเร็งเต้านม อย่างละเอียดยิ่งขึ้น

สตรีจำนวนเกือบสองในสามของชาวอเมริกันกว่า 7 ล้านคนเป็นโรคอัลไซเมอร์ การศึกษาเกี่ยวกับภาวะสมองล้าจากเคมีบำบัดเป็นการศึกษาครั้งแรกที่แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลง การอักเสบ และการหดตัวของสมองที่เกี่ยวข้องกับการรักษามะเร็งมีความเชื่อมโยงกับสภาวะต่าง ๆ อาทิ การหลงลืม ปัญหาในการโฟกัส หรือการใช้คำ การศึกษาดังกล่าวยิ่งตอกย้ำหลักฐานที่เพิ่มมากขึ้นว่าเคมีบำบัดส่งผลกระทบต่อสุขภาวะของสมอง

สมาคมอัลไซเมอร์สนับสนุนการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างเพศในด้านสุขภาพสมอง และป้องกันผลข้างเคียงเชิงลบสำหรับผู้ป่วยเคมีบำบัด แพทย์สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจจับ การวินิจฉัย และการรักษาภาวะสมองเสื่อมตั้งแต่ระยะเริ่มต้นได้โดยใช้ ALZPro ซึ่งเป็นคลังเครื่องมือและแหล่งข้อมูลออนไลน์ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่สำหรับผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมอัลไซเมอร์

สมาคมอัลไซเมอร์ขอขอบคุณผู้สนับสนุนระดับแพลตตินัมของ AAIC 2025 ได้แก่ Biogen, Eisai, Lilly และ Novo Nordisk

เกี่ยวกับการประชุมนานาชาติของสมาคมอัลไซเมอร์ (AAIC®)

การประชุมนานาชาติของสมาคมอัลไซเมอร์ (AAIC) คือการรวมตัวกันของนักวิจัยจากทั่วโลกซึ่งเน้นเรื่องอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมประเภทอื่น ๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยของสมาคมอัลไซเมอร์ AAIC ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานซึ่งผลักดันการสร้างความรู้ใหม่เกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อมและส่งเสริมชุมชนการวิจัยระหว่างองค์กรที่มีความสำคัญ

โฮมเพจ AAIC 2025:www.alz.org/aaic/
ห้องข่าว AAIC 2025:www.alz.org/aaic/pressroom.asp
แฮชแท็ก AAIC 2025: #AAIC25

เกี่ยวกับสมาคมอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Association®)

สมาคมอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Association) เป็นองค์กรอาสาสมัครด้านสุขภาพระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการดูแล สนับสนุน และวิจัยเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ พันธกิจของเราคือการเป็นผู้นำในการยุติโรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อมต่าง ๆ โดยกระตุ้นการวิจัยทั่วโลก ขับเคลื่อนการลดความเสี่ยง และการตรวจหาโรคในระยะเริ่มต้น รวมถึงพัฒนาคุณภาพการดูแลและการสนับสนุนให้อยู่ในระดับสูงสุด วิสัยทัศน์ของเราคือโลกที่ไม่มีโรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อมอื่น ๆ ® เยี่ยมชม alz.org หรือโทร 800.272.3900

โลโก้ – https://mma.prnasia.com/media2/2689936/Alzheimers_Association_Logo.jpg?p=medium600

 

 

View original content to download multimedia: Read More