นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (BIG) เปิดเผยว่า บีไอจีตั้งเป้าเป็น ผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Technology Company) โดยเริ่มจากการผลิตก๊าซอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำเป็นรายแรกของประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน ด้วยนวัตกรรมโรงแยกอากาศที่ใช้ความเย็นจากกระบวนการ LNG Regasification เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าในการผลิตก๊าซอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงานไฟฟ้า (สโคป 2) คิดเป็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าลดลงได้กว่า 100,000 ตันต่อปี
ล่าสุดบีไอจียังเป็นผู้ผลิตก๊าซอุตสาหกรรมรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO จากการดำเนินงานในปี 2564 ที่ผ่านมาอีกด้วย ทั้งนี้ บีไอจีตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ในปี 2050 สอดคล้องกับเป้าหมายทั่วโลกของ แอร์โปรดักส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ โดยบีไอจีมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงานไฟฟ้า (สโคป 2) เนื่องจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงจากกระบวนการผลิต (สโคป 1) ของบีไอจีมีน้อยมาก
ในส่วนของธุรกิจ บีไอจีมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมให้เข้าสู่เป้าหมาย Net Zero ของประเทศ พร้อมสนับสนุนคู่ค้าในการบริหารจัดการ ในทุกกระบวนการของการจัดทำโครงการคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (CFO) และคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (CFP) รวมถึงการซื้อขายคาร์บอนเครดิตตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงขั้นตอนได้รับใบรับรองจาก TGO และการใช้ดิจิตอลแพลตฟอร์มในติดตามและบริหารจัดการลดการปลดปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต ซึ่งบีไอจีได้สนับสนุนพันธมิตรคู่ค้าอย่างบริษัท แม็กซิออน วีลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตล้ออลูมิเนียมอัลลอยรายแรกของประเทศไทยจนได้รับใบรับรองแบบ CFP เป็นที่เรียบร้อยแล้ว