นิวยอร์ก, 20 พฤษภาคม 2568 /PRNewswire/ — แม้ปี 2568 จะเปิดฉากด้วยความผันผวน แต่สหรัฐอเมริกายังคงครองสถานะศูนย์กลางของความมั่งคั่งส่วนบุคคลระดับโลก โดยมีบุคคลผู้มีความมั่งคั่งสูง (High-Net-Worth Individuals หรือ HNWI) มากกว่าหกล้านคนที่มีทรัพย์สินลงทุนได้ตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 34% ของความมั่งคั่งแบบมีสภาพคล่องทั่วโลก และเป็นแหล่งของประชากรมหาเศรษฐีเงินล้านถึง 37% ของโลก การครอบครองความมั่งคั่งของสหรัฐฯ ยังครอบคลุมทุกระดับ โดยมีมหาเศรษฐีร้อยล้าน (ผู้ถือครองสินทรัพย์ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป) ถึง 36% ของโลก และมหาเศรษฐีพันล้านถึง 33% อ้างอิงจากรายงานความมั่งคั่งสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2568 (USA Wealth Report 2025) ที่จัดทำโดย Henley & Partners ผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติด้านความมั่งคั่งและการโยกย้ายถิ่นฐานเพื่อการลงทุน
แม้สหรัฐฯ ยังเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ สำหรับการย้ายถิ่นของความมั่งคั่งทั่วโลก แต่ชาวอเมริกันผู้มั่งคั่งจำนวนมากขึ้นกลับแสวงหาทางเลือกด้านถิ่นที่อยู่และสัญชาติในต่างประเทศ โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 นี้จนถึงปัจจุบัน พลเมืองสหรัฐฯ มีสัดส่วนกว่า 30% ของการสมัครโยกย้ายถิ่นฐานเพื่อการลงทุนทั้งหมดที่ยื่นผ่าน Henley & Partners คิดเป็นเกือบสองเท่าของยอดรวมจากชาติอื่น ๆ อีกห้าประเทศในอันดับถัดมารวมกัน ซึ่งรวมถึงตุรกี อินเดีย และสหราชอาณาจักร
“เรากำลังเห็นระดับความซับซ้อนใหม่ในวิธีที่ชาวอเมริกันผู้มั่งคั่งจัดการและกระจายสินทรัพย์ของตน” คุณ Basil Mohr-Elzeki หุ้นส่วนผู้จัดการประจำทวีปอเมริกาเหนือของ Henley & Partners กล่าว “การแสวงหาถิ่นที่อยู่และสัญชาติทางเลือกเป็นการบริหารความเสี่ยงที่ชาญฉลาด การโยกย้ายเพื่อการลงทุนจึงเป็น ‘แผนสำรอง’ ที่มียุทธศาสตร์ โดยช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการตั้งรับปรับตัว ขยายโอกาส และสร้างความมั่นคงในมรดกข้ามพรมแดน”
สหรัฐฯ ในฐานะดัชนีมาตรฐานความมั่งคั่ง
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกามีการเติบโตของความมั่งคั่งโดดเด่นที่สุด โดยระหว่างปี 2557 ถึง 2567 ประชากรมหาเศรษฐีเงินล้านของประเทศเพิ่มขึ้น 78% แซงหน้าจีนอยู่เล็กน้อย ซึ่งเติบโต 74% และทิ้งห่างประเทศอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบัน สหรัฐฯ อยู่อันดับหนึ่งของกลุ่ม W10 (10 ประเทศมั่งคั่งที่สุดของโลกตามจำนวนประชากรมหาเศรษฐีเงินล้าน) โดยมีจำนวนโดยประมาณดังต่อไปนี้ มหาเศรษฐีเงินล้าน 6,041,600 คน มหาเศรษฐีร้อยล้าน 10,800 คน และมหาเศรษฐีพันล้าน 850 คน จีนรั้งอันดับสองด้วยประชากรมหาเศรษฐีเงินล้าน 827,900 คน มหาเศรษฐีร้อยล้าน 2,250 คน และมหาเศรษฐีพันล้านราว 280 คน ซึ่งยังตามหลังสหรัฐฯ อยู่มากแม้มีอัตราเติบโตสูง
ในทางตรงกันข้าม ประเทศหลักอื่น ๆ ในกลุ่ม W10 กลับเติบโตช้ากว่ามาก ประชากรมหาเศรษฐีเงินล้านในเยอรมนีเพิ่มขึ้นเพียง 10% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 5% และกรณีที่น่าสังเกตคือ สหราชอาณาจักรลดลงถึง -9% สะท้อนถึงการอพยพของมหาเศรษฐีและเศรษฐกิจที่ซบเซา ขณะที่ออสเตรเลีย (+30%), สวิตเซอร์แลนด์ (+28%), แคนาดา (+26%) และอิตาลี (+20%) มีอัตราเติบโตที่ดีกว่า แต่ยังตามหลังสหรัฐฯ อย่างมากทั้งในแง่จำนวนและอัตราเติบโต
เมืองมั่งคั่งที่สุดของอเมริกา
รายงานยังชี้ให้เห็นการครองความมั่งคั่งอย่างต่อเนื่องของเมืองศูนย์กลางดั้งเดิมของสหรัฐฯ ควบคู่ไปกับการเติบโตของพื้นที่เมืองใหม่ นครนิวยอร์กยังคงเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในสหรัฐฯ (และในโลก) โดยมีมหาเศรษฐีเงินล้าน 384,500 คน รวมถึงมหาเศรษฐีร้อยล้าน 818 คน และมหาเศรษฐีพันล้าน 66 คน ซานฟรานซิสโกเบย์แอเรีย ตามมาติด ๆ ด้วยมหาเศรษฐีเงินล้าน 342,400 คน รวมถึงมหาเศรษฐีเงินล้าน 756 คน และมีมหาเศรษฐีพันล้านมากที่สุดในประเทศถึง 82 คน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เบย์แอเรียมีอัตราการเติบโตของประชากรมหาเศรษฐีเงินล้านที่ 98% ซึ่งสูงที่สุดใน 10 เมืองมั่งคั่งสูงสุดของสหรัฐฯ
สก็อตส์เดลกลายเป็นเมืองที่มีการเติบโตของความมั่งคั่งรวดเร็วที่สุดในสหรัฐฯ ในด้านจำนวนมหาเศรษฐีเงินล้าน โดยเติบโตถึง 125% ระหว่างปี 2557 ถึง 2567 ด้วยแรงขับเคลื่อนหลักจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของภาคเทคโนโลยี
ศาสตราจารย์ Peter J. Spiro แห่งโรงเรียนกฎหมายของ Temple University แสดงความคิดเห็นในรายงานว่า “ในขณะที่การดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของโดนัลด์ ทรัมป์ดำเนินไปอย่างไม่อาจคาดเดาได้ ประชาชนชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นเริ่มตระหนักถึงความจริงอันยากจะหลีกเลี่ยงที่ว่า การถือสัญชาติอเมริกันเพียงอย่างเดียวไม่ได้ให้ความรู้สึกเป็นหลักประกันที่เพียงพออีกต่อไป การถือสองสัญชาติ ซึ่งเคยเป็นเพียงสิ่งฟุ่มเฟือย กำลังกลายเป็นความฝันแบบใหม่ของชาวอเมริกัน ในยุคที่ความไม่แน่นอนพุ่งสูง หลายคนไม่ได้แสวงหาเพียงสิทธิในการอยู่ แต่รวมถึงสิทธิในการจากไปด้วย”
View original content to download multimedia: Read More