Skip to content
Home » PR Newswire » เทคโนโลยี Grid Forming ที่รองรับทุกสถานการณ์ หนุนพลังงานลมและแสงอาทิตย์ให้เป็นแหล่งผลิตหลัก

เทคโนโลยี Grid Forming ที่รองรับทุกสถานการณ์ หนุนพลังงานลมและแสงอาทิตย์ให้เป็นแหล่งผลิตหลัก

เซินเจิ้น, จีน, 19 ก.ย. 2568 /PRNewswire/ — มหกรรมพลังงานดิจิทัลนานาชาติ (IDEE) ครั้งที่ 3 เปิดฉากขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการที่เมืองเซินเจิ้นในวันนี้ โดยมีผู้นำในอุตสาหกรรม ตัวแทนจากองค์กรและสถาบันคลังสมอง ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงลูกค้าและพันธมิตรจากทั่วโลกมารวมตัวกัน เพื่อร่วมพูดคุยเกี่ยวกับแนวโน้มล่าสุดในวงการ การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไปใช้ และแนวปฏิบัติทางธุรกิจที่เป็นเลิศ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานดิจิทัลให้มีคุณภาพสูงขึ้นไปอีกขั้น โดยในพิธีเปิดงาน คุณ Zhou Jianjun รองประธานบริษัท Huawei และประธานฝ่ายการตลาด การขาย และบริการทั่วโลกของ Huawei Digital Power ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “All-Scenario Grid Forming Technology, Accelerating Wind and Solar as Main Power” (เทคโนโลยี Grid Forming ที่รองรับทุกสถานการณ์ หนุนพลังงานลมและแสงอาทิตย์ให้เป็นแหล่งผลิตหลัก) ว่า การผลักดันสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนนั้น ได้เปลี่ยนจากเพียงฉันทมติมาสู่การลงมือทำแล้ว และการที่พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น ส่งผลให้โครงข่ายไฟฟ้าอ่อนแอลง และก่อให้เกิดปัญหาท้าทายสำคัญ 2 ประการต่อระบบพลังงาน นั่นคือ พลังงานหมุนเวียนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลังที่มีสัดส่วนสูง ทั้งนี้ Huawei อาศัยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้เพิ่มขีดความสามารถของเทคโนโลยี Grid Forming ในสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อช่วยให้การสร้างระบบพลังงานใหม่มีความเสถียรยิ่งขึ้น ซึ่งความพยายามนี้มีเป้าหมายเพื่อเร่งให้พลังงานลมและแสงอาทิตย์ก้าวขึ้นเป็นพลังงานหลัก และเริ่มต้นยุคใหม่ของเทคโนโลยี Grid Forming ในทุกรูปแบบอย่างแท้จริง

Zhou Jianjun, Vice President of Huawei and President of Global Marketing, Sales and Services of Huawei Digital Power, delivered a keynote speech
Zhou Jianjun, Vice President of Huawei and President of Global Marketing, Sales and Services of Huawei Digital Power, delivered a keynote speech

Huawei ในฐานะผู้ให้บริการและผู้พัฒนาเทคโนโลยี ได้ทุ่มเทวิจัยเทคโนโลยี Grid Forming มานานกว่าทศวรรษ โดยการเป็นผู้บุกเบิกการเปลี่ยนผ่านจากเทคโนโลยี Grid Following และ Grid Supporting ไปสู่ Grid Forming นั้น ทำให้ Huawei ยังคงยืนอยู่แถวหน้าในการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ Huawei ผสานรวมทั้งฮาร์ดแวร์พื้นฐานที่พัฒนาขึ้นเอง (อุปกรณ์กำลังที่มีความสามารถในการโอเวอร์โหลดและความน่าเชื่อถือสูง อุปกรณ์ควบคุมดิจิทัลที่มีความชาญฉลาดและกำลังประมวลผลสูง) สถาปัตยกรรม (สถาปัตยกรรมแบบ String ที่มีความพร้อมใช้งานสูง และสถาปัตยกรรมพลังงานแบบสองระดับที่มีความปลอดภัยสูง) และอัลกอริทึม (อัลกอริทึม Grid Forming อัจฉริยะ) จนพัฒนาขีดความสามารถหลักด้าน Grid Forming ได้ถึง 6 ด้าน สำหรับกระบวนการผลิต ส่ง จ่าย และการใช้พลังงาน เพื่อผลักดันการพัฒนาจาก ESS Grid Forming ไปสู่ PV+ESS Grid Forming ซึ่งขีดความสามารถที่ว่านี้ประกอบด้วย ระดับไฟฟ้าลัดวงจร การรองรับแรงเฉื่อยเสมือน การหน่วงการแกว่งตัวแบบกว้าง การตอบสนองความถี่หลักอย่างรวดเร็ว การกู้ระบบไฟฟ้าในระดับนาที การสลับโหมดเชื่อมต่อ/ไม่เชื่อมต่อโครงข่ายอย่างราบรื่น

เทคโนโลยี Grid Forming มีผู้นำไปใช้และติดตั้งในเชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลายทั่วโลก ซึ่งถือเป็นการวางมาตรฐานใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ตัวอย่างเช่น ในตะวันออกกลางใกล้ชายฝั่งทะเลแดงนั้น เทคโนโลยี Grid Forming ของ Huawei ได้ช่วยลูกค้าสร้างไมโครกริดพลังงานหมุนเวียน 100% ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งทำงานได้อย่างเสถียรมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ทั้งยังทนทานต่อภาวะไฟฟ้าลัดวงจรที่เกิดจากสภาพอากาศที่รุนแรงด้วย ทำให้มั่นใจได้ว่าจะจ่ายพลังงานได้อย่างน่าเชื่อถือ ส่วนในโครงการ 30 MW PV+6 MW/24 MWh ESS ที่ซีจ้าง ประเทศจีน Huawei ก็ได้ช่วยลูกค้าติดตั้งโซลูชัน Grid Forming ESS ในสภาพแวดล้อมบนพื้นที่สูง อากาศหนาวจัด และมีโครงข่ายไฟฟ้าอ่อนแอ โซลูชันนี้ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (PV) จาก 1.5 MW เป็น 12 MW และเมื่อเทียบกับโซลูชันอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมแล้ว โซลูชันของ Huawei นำพลังงานมาใช้ได้มากกว่าถึง 75% ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ของโครงการได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ โครงการ PV+ESS แบบบูรณาการที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดฉากขึ้นแล้วในประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางพลังงาน โครงการนี้ประกอบด้วยระบบ PV ขนาด 3.5 GW และระบบ Grid Forming ESS ขนาด 4.5 GWh ซึ่งเทคโนโลยีควบคุมแบบประสานงานระหว่าง PV กับ ESS ระดับ GW รวมถึงเทคโนโลยีกู้ระบบระดับโรงไฟฟ้าของ Huawei ทำให้โครงการนี้จ่ายพลังงานไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องนานถึง 13 ชั่วโมงต่อวัน

Huawei ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลอัจฉริยะในอุตสาหกรรมนี้ โดยได้พัฒนาระบบอัจฉริยะสำหรับ PV+ESS ที่ทำงานร่วมกันได้ครบวงจรตั้งแต่ระดับ “อุปกรณ์-เอดจ์-คลาวด์” เป็นรายแรกของอุตสาหกรรม ระบบนี้ช่วยให้บริหารจัดการโรงไฟฟ้าได้อย่างชาญฉลาดตลอดวงจรชีวิต ทำให้การปฏิบัติงานและบำรุงรักษา (O&M) ใช้บุคลากรน้อยลงหรือถึงขั้นไม่ต้องใช้คนเลย และยังช่วยเพิ่มรายได้จากการซื้อขายพลังงาน โดยการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในทุกขั้นตอนอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่การวางแผน ก่อสร้าง บำรุงรักษา ไปจนถึงปฏิบัติงานนั้น ช่วยลดข้อผิดพลาดจากการดำเนินการและการออกแบบในการก่อสร้างทางวิศวกรรมลงได้ถึง 40%, เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและบำรุงรักษาได้ 50% และเพิ่มรายได้จากการดำเนินงานได้กว่า 10% สิ่งนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ทั้งปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และชาญฉลาด เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเข้าสู่ยุคใหม่ของระบบอัตโนมัติได้อย่างแท้จริง

คุณภาพอันยอดเยี่ยมมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรม โดย Huawei Digital Power ให้ความสำคัญกับคุณภาพเป็นอันดับแรกเสมอ และมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จด้วยความเป็นเลิศ Huawei มาพร้อมขีดความสามารถที่ขับเคลื่อนโดยระบบและกระบวนการทำงานที่ชัดเจน ทั้งยังมีกลยุทธ์ด้านคุณภาพแบบครบวงจร เพื่อนำมาตรฐานคุณภาพสูงมาใช้ตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การกำหนดความต้องการ การจัดการวัสดุ ไปจนถึงการผลิตและส่งมอบ เพื่อสร้างคุณค่าที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

Huawei Digital Power จะยังคงทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการโครงข่ายไฟฟ้า สมาคม และองค์กรมาตรฐานต่าง ๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม ปรับปรุงกลไกตลาดพลังงาน และส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมให้เติบโตในวงกว้างอย่างมีมาตรฐานและมีคุณภาพสูง เพื่อเร่งให้พลังงานลมและแสงอาทิตย์กลายเป็นพลังงานหลัก

View original content to download multimedia: Read More