Skip to content
Home » PR Newswire » โตเกียวและกรุงเทพร่วมมือกันเพื่อต้านภัยพิบัติและอุปสรรคท้าทายอื่นที่เผชิญร่วมกัน

โตเกียวและกรุงเทพร่วมมือกันเพื่อต้านภัยพิบัติและอุปสรรคท้าทายอื่นที่เผชิญร่วมกัน

โตเกียว, 4 มีนาคม 2568 /PRNewswire/ — ในการแสดงวิสัยทัศน์ด้านยุทธศาสตร์เมืองระดับโลก ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียวและกรุงเทพได้ร่วมมือกันเพื่อจัดการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ รวมถึงปัญหาจำนวนประชากรลดลงและประชากรสูงวัย ตลอดจนอุปสรรคท้าทายอื่น ๆ ที่มหานครในเอเชียทั้งสองแห่งซึ่งมีประชากรพลุกพล่านกำลังเผชิญอยู่

Governor of Tokyo, Koike Yuriko and Governor of Bangkok, Chadchart Sittipunt
Governor of Tokyo, Koike Yuriko and Governor of Bangkok, Chadchart Sittipunt

ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียว คุณ Koike Yuriko และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วม เมื่อพวกเขาพบปะกันราวหนึ่งชั่วโมง ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่สองของการเยือนกรุงเทพเป็นเวลา 3 วันของคุณ Koike ตามคำเชิญของคุณชัชชาติ

Joint COMMUNIQUÉ signed
Joint COMMUNIQUÉ signed

แถลงการณ์ฉบับนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของผู้ว่าราชการทั้งสองในการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างเมืองที่ยั่งยืนด้วยการจัดการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น “อัตราการเกิดที่ลดลง ประชากรสูงวัย และการสร้างสรรค์นวัตกรรม”

ในเอกสารดังกล่าว คุณ Koike เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างเมืองเพื่อรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ “เกิดขึ้นบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น” ทั่วโลก ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เมืองที่น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน

Meeting Bangkok Governor
Meeting Bangkok Governor

“แถลงการณ์ร่วมนี้เป็นก้าวแรก เราต้องการเดินหน้าในฐานะหุ้นส่วนเพื่อร่วมระบุชี้อุปสรรคความท้าทายต่าง ๆ ที่เรามีร่วมกันและหาทางแก้ไข” ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียวกล่าวในงานแถลงข่าวร่วมหลังพิธีลงนาม “เราตั้งเป้าหมายเพื่อทำให้ความร่วมมือนี้สร้างผลที่เป็นรูปธรรมให้กับประชากรของกรุงเทพและโตเกียว”

คุณชัชชาติกล่าวว่า เขาหวังว่าความรู้ที่ได้รับจากความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชากรในกรุงเทพ และช่วยทำให้เมืองแห่งนี้เป็น “เมืองที่น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน” “เราต้องการศึกษารูปแบบ (การรับมืออุทกภัย) ของโตเกียว” เขากล่าว โดยอ้างถึงเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเป็นประจำในกรุงเทพและพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศไทย นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ ยังแสดงความสนใจที่จะเรียนรู้จากมาตรการด้านระบบระบายน้ำและการประปาของโตเกียว

ความคิดเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับสโลแกนที่อดีตวิศวกรโครงสร้างผู้นี้ใช้เพื่อทำให้กรุงเทพซึ่งเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็น “เมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน” เมื่อเขาชนะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในปี 2565

เขาตั้งเป้าที่จะทำให้กรุงเทพติดอันดับ 50 เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกภายในปี 2570 โดยเน้นความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ตอบสนองความต้องการของประชากรจำนวน 5.4 ล้านคน

คุณ Koike ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาญี่ปุ่น และได้รับเลือกเป็นผู้ว่าราชการกรุงโตเกียวหญิงคนแรกในปี 2559 ก็มีแผนสำคัญสำหรับเมืองหลวงของญี่ปุ่นที่มีประชากร 14 ล้านคนแห่งนี้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเขตมหานครที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ในส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ปี 2593 ของโตเกียว เมื่อไม่นานมานี้ ฝ่ายบริหารของเธอได้กำหนดเป้าหมายเชิงนโยบายสำหรับปี 2578 โดยรวมถึงความพยายามทำให้โตเกียวเป็น “เมืองที่ดีที่สุดในโลก” โดยสร้างสมดุลระหว่าง “การเติบโต” และ “การเติบโตอย่างมีคุณภาพ” อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความสุขให้แก่ประชาชน

โครงสร้างพื้นฐานสีเขียวเครือข่ายใต้ดินเพื่อควบคุมน้ำท่วม

Learning Disaster Prevention @Phrakanong Pumping Station
Learning Disaster Prevention @Phrakanong Pumping Station

ก่อนและหลังการพูดคุยอย่างเป็นทางการ คุณชัชชาติได้พาผู้ว่าราชการกรุงโตเกียวไปเยี่ยมชมสวนป่าที่เขียวชอุ่มที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และสถานีสูบน้ำพระโขนงขนาดใหญ่ที่ควบคุมระดับน้ำในคลองของกรุงเทพ และระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

สถานที่ทั้งสองแห่งช่วยบรรเทาการเกิดน้ำท่วมรุนแรง โดย “โครงสร้างพื้นฐานสีเขียว” ที่สร้างขึ้นในสวนป่าเบญจกิติ ได้รับการออกแบบให้ดูดซับน้ำฝนในกรณีเกิดฝนตกหนัก นอกจากนี้ พื้นที่สีเขียวยังช่วยฟอกอากาศและน้ำ ขณะที่เมืองแห่งนี้เผชิญกับปัญหามลพิษเรื้อรัง

กรุงโตเกียวมี “อ่างเก็บน้ำใต้ดินสำหรับบริหารจัดการน้ำ” เกือบ 30 แห่ง เพื่อเก็บกักน้ำท่วม คุณ Koike ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่นกล่าวกับสื่อไทยว่า รัฐบาลของเธอกำลังพิจารณาโครงการขนาดใหญ่ที่จะสร้างช่องทางใต้ดินเพิ่มเติมเพื่อช่วยระบายน้ำฝนส่วนเกินลงสู่อ่าวโตเกียว โดยการเชื่อมต่ออ่างเก็บน้ำใต้ดินเพิ่มเติมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

“เราต้องการแบ่งปันความรู้กับกรุงเทพเกี่ยวกับมาตรการป้องกันน้ำท่วมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัญหาที่เราต่างเผชิญเช่นกัน” เธอกล่าว

กรุงเทพแนะวิธีกระตุ้นการท่องเที่ยวยามค่ำคืนแก่โตเกียว

ในช่วงเย็น ผู้ว่าฯ ทั้งสองท่านได้ออกไปชมอาคารสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ส่องสว่างด้วยแสงไฟริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นจุดดึงดูดสำคัญของการท่องเที่ยวในกรุงเทพยามค่ำคืน

“คุณสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ด้วยการใช้ช่วงเวลากลางคืนให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ โตเกียวยังต้องกู้คืนความมีชีวิตชีวายามค่ำคืนที่ยังไม่คึกคักเท่าที่ควรหลังเกิดการระบาดของโควิด” เธอกล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการเที่ยวชม โดยเธอระบุว่าเป็นสิ่งที่ “มีประโยชน์มาก”

ในแถลงการณ์ร่วม คุณ Koike เสนอให้แบ่งปันความรู้ที่จำเป็นเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังเสนอให้ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเมืองหลวงทั้งสองแห่ง ซึ่งคุณชัชชาติเห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว

“กรุงเทพให้คำใบ้ที่ดีแก่เราว่าโตเกียวควรกู้คืนความมีชีวิตชีวายามค่ำคืนได้อย่างไร” คุณ Koike กล่าวกับสื่อไทย ทั้งนี้ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนโตเกียวทำสถิติสูงสุดที่ 25 ล้านคนในปี 2567

สำหรับตัวอย่างหนึ่งของโครงการริเริ่มของโตเกียวเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวเวลากลางคืน ผู้ว่าฯ ได้กล่าวถึงการแสดง “Tokyo Night & Light” ที่เป็นการฉายภาพแสงสีทุกคืน ซึ่งจัดขึ้นโดยรัฐบาลกรุงโตเกียวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เธอกล่าวว่า นับตั้งแต่เปิดตัวในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว การแสดงนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้วถึง 500,000 คน

การแสดงนี้ประกอบด้วยผลงานศิลปะภาพและเสียงขนาดสั้นหลายชิ้น ที่ถูกฉายลงบนด้านหน้าของอาคารศาลาว่าการกรุงโตเกียวหมายเลข 1 ซึ่งมีความสูง 48 ชั้น โดย Guinness World Records ได้รับรองว่านี่เป็นการฉายภาพแสงสีบนสถาปัตยกรรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแบบถาวร ผลงานที่นำเสนอประกอบไปด้วยตัวละครและสิ่งต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียง เช่น สัตว์ประหลาดจากภาพยนตร์ชื่อดังก็อดซิลล่า ภาพวาดอุคิโยะเอะ (Ukiyo-e) แบบดั้งเดิม และ YOASOBI คู่ดูโอ้ศิลปิน J-pop ที่มีชื่อเสียงระดับโลก

พัฒนาเยาวชนให้มีบทบาทสำคัญในเวทีโลก

Visit to NIST International School
Visit to NIST International School

ในวันสุดท้ายของการเยือนกรุงเทพ คุณ Koike ได้ไปเยี่ยมชมโรงเรียนนานาชาติชั้นนำและพบกับตัวแทนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจากโตเกียวที่ดำเนินกิจการในกรุงเทพ ในช่วงเช้า เธอเดินทางไปที่โรงเรียนนานาชาติ NIST International School ซึ่งเปิดสอนหลักสูตร International Baccalaureate อย่างเต็มรูปแบบ และมีการสอนภาษาต่างประเทศถึง 12 ภาษา โดยผู้ว่าราชการกรุงโตเกียวได้สัมผัสกระบวนการบ่มเพาะบุคลากรที่มีศักยภาพระดับโลกโดยตรง

“ในแง่ที่ว่าเราจำเป็นต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่สามารถแข่งขันกับคนรุ่นเดียวกันในมหานครแห่งอื่นของโลกได้” เธอกล่าว “วันนี้ฉันได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายที่นี่”

ต่อมา เธอได้พบกับตัวแทนของสตาร์ตอัปและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจากโตเกียว โปรแกรมการเยือนกรุงเทพอย่างเป็นทางการของเธอจบลงด้วยการเยี่ยมชมศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว (Tokyo SME Support Center) และสถาบันวิจัยเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมแห่งมหานครโตเกียว (Tokyo Metropolitan Industrial Technology Research Institute)

การเยือนครั้งนี้เป็นภารกิจทางการในต่างประเทศครั้งที่สองของเธอ นับตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่สามในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤศจิกายน เธอได้เดินทางไปเยือนไคโร อาบูดาบี และบากู เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของโตเกียวกับโลกอาหรับ และเพื่อเสนอแนวทางริเริ่มของโตเกียวที่การประชุม COP29 ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ ที่จัดขึ้นในเมืองหลวงของอาเซอร์ไบจาน

ในระหว่างการให้สัมภาษณ์สรุปผลการเยือนกับสื่อไทย ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียวให้คำมั่นว่าจะทำงานด้วยความมุ่งมั่นและต่อเนื่องร่วมกับกรุงเทพเพื่อ “แก้ไขปัญหาที่เผชิญร่วมกันและเพิ่มผลประโยชน์ให้แก่ประชาชน” เธอกล่าวถึงแม่น้ำเจ้าพระยาว่า นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ยังเป็น “สิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คน แต่ก็นำมาซึ่งอันตรายรุนแรงได้เมื่อเกิดน้ำเอ่อล้น” และเสริมว่า “โตเกียวก็เผชิญกับสถานการณ์เดียวกัน”

 

 

View original content to download multimedia: Read More