ลอนดอน, 4 มีนาคม 2568 /PRNewswire/ — Henley & Partners เผยแพร่ฉบับปี 2568 ของดัชนี Henley Opportunity Index ที่บุกเบิกวงการ ตอกย้ำชื่อเสียงในการเป็นเครื่องมือวัดมาตรฐานระดับแนวหน้า สำหรับการประเมินบทบาทของการผนวกรวมการศึกษาชั้นนำเข้ากับการเข้าถึงระดับโลกที่เพิ่มขึ้น ในการกำหนดความสำเร็จในอนาคต ในปีนี้ที่ดำเนินการจัดทำมาเป็นปีที่สองแล้ว ดัชนีดังกล่าวนี้ประเมินว่าการบูรณาการการศึกษาชั้นเลิศเข้ากับสิทธิการอยู่อาศัยและสัญชาติจากการลงทุน สามารถสร้างโอกาสอย่างมีนัยสำคัญสำหรับคนรุ่นต่อไป ด้วยการขยายเครือข่ายระดับโลก เพิ่มพูนโอกาสด้านหน้าที่การงาน ศักยภาพในการสร้างรายได้ และความคล่องตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อความสำเร็จและความมั่งคั่งที่สูงขึ้นตลอดทั้งชีวิต
ดังที่ คุณ Tess Wilkinson ผู้อำนวยการของ Henley & Partners Education ชี้ การศึกษาชั้นเลิศเพียงอย่างเดียวไม่สามารถรับประกันหนทางสู่ความสำเร็จได้อีกต่อไปในตลาดงานระดับโลกที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ “ขณะที่งานศึกษาวิจัยยืนยันว่าผู้จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยมีรายได้สูงกว่าผู้จบเพียงระดับมัธยมราว 50% งานวิจัยยังเผยว่ากว่าสองในสามของความแตกต่างทางรายได้ในทั่วโลกเป็นผลจากประเทศที่บุคคลใช้ชีวิตและทำงานอยู่ เนื่องจากอุปสรรคด้านโอกาสมักขึ้นอยู่กับข้อจำกัดด้านความเป็นพลเมืองของเรา ดัชนีนี้ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่าการย้ายถิ่นฐานด้วยการลงทุนเป็นกลยุทธ์ที่พลิกเกมสำหรับครอบครัวที่มุ่งที่จะก้าวข้ามความจำกัดของ ‘โชคลาภจากชาติกำเนิด'”
ยกระดับความน่าจะเป็นของความสำเร็จ
Henley Opportunity Index เป็นการศึกษาเป็นครั้งแรกที่วัดประโยชน์ของการบูรณาการการศึกษาชั้นนำเข้ากับสิทธิการอยู่อาศัยและสัญชาติที่กว้างขวางขึ้น โดยวัดคะแนนโครงการการย้ายถิ่นฐานด้วยการลงทุนที่มีอยู่ทั่วโลกในหกปัจจัยหลัก ประกอบด้วย การศึกษาชั้นเลิศ โอกาสการจ้างงาน ศักยภาพการหารายได้ ความก้าวหน้าทางอาชีพ ความคล่องตัวทางเศรษฐกิจ และความน่าอยู่อาศัย
สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีตัวเลือกการลงทุนที่พัฒนาโดย Henley & Partners ที่บูรณาการที่อยู่ส่วนตัวเข้ากับระเบียบภาษีแบบเหมาจ่าย (forfait tax) ของสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ในอันดับแรกด้วยคะแนนรวม 84% รองลงมาคือสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางความมั่งคั่งแห่งเอเชียที่มีโครงการ Global Investor Program ด้วยคะแนนโอกาส 79% และถัดมาคือสหรัฐฯ ซึ่งมีโครงการ EB-5 Immigrant Investor Program และข้อเสนอวีซ่า “โกลด์การ์ด” (gold card) โดยตามมาอย่างไม่ห่างกันด้วยคะแนน 78% อันดับถัดมาคือออสเตรเลีย ซึ่งเพิ่งออกโครงการ National Innovation Visa ด้วยคะแนน 76% และแคนาดา ซึ่งมีโครงการ Start-Up Visa Program ยอดนิยมสำหรับนักธุรกิจ ได้คะแนน 73% ปิดท้ายห้าอันดับแรก
สหราชอาณาจักร ซึ่งมีโครงการ Innovator Founder Visa มีคะแนนโอกาส 70% ในแง่ของการมอบความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์สำหรับพลเมืองและผู้อยู่อาศัย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีประเภทผู้ได้รับสิทธิประโยชน์หลากหลายกลุ่มสำหรับโครงการ Golden Residence visa ได้คะแนน 67% ออสเตรีย ซึ่งกำหนดการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจของประเทศในระดับสูงเพื่อให้ได้สัญชาติ และนิวซีแลนด์ ซึ่งเพิ่งผ่อนปรนกฎสำหรับโครงการ Active Investor Plus Visa Program เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้นักลงทุน ต่างได้คะแนน 65% ตามมาติด ๆ ด้วยอิตาลี ซึ่งเสนอ Investor Visa และได้คะแนน 64% ในดัชนี Henley Opportunity Index
ปลดล็อกความได้เปรียบสะสม
ฟังก์ชันการเปรียบเทียบใน Henley Opportunity Index เน้นย้ำผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญของการย้ายถิ่นฐานเชิงกลยุทธ์ด้วยการลงทุน ต่อการเพิ่มโอกาสในอนาคตสำหรับครอบครัวในทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น ครอบครัวเวียดนามที่มีคะแนนโอกาสเพียง 29% ในประเทศบ้านเกิด สามารถเพิ่มแนวโน้มความสำเร็จของบุตรหลานรุ่นต่อไปเป็น 78% ด้วยการได้รับสิทธิการอยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกาผ่านโครงการ EB-5 Immigrant Investor Program ในทำนองเดียวกัน ครอบครัวอินเดีย ซึ่งมีคะแนน 37% สามารถเพิ่มความได้เปรียบเป็น 84% ด้วยการย้ายถิ่นฐานไปยังสวิตเซอร์แลนด์ผ่านโครงการ Swiss Residence Program ทั้งนี้ คุณ Wilkinson ระบุว่า “ด้วยการรับสิทธิการอยู่อาศัยหรือสัญชาติเชิงกลยุทธ์ บุคคลสามารถเข้าถึงเศรษฐกิจที่ทรงพลัง อุตสาหกรรมเติบโตสูง และโอกาสทางหน้าที่การงานอันเหนือชั้น ตอกย้ำว่าในโลกปัจจุบันนี้ ที่ที่เราอยู่อาศัยสำคัญเทียบเท่ากับสิ่งที่เราเรียนรู้”
View original content to download multimedia: Read More