ผลประกอบการของ DIFC ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ผลักดันวิสัยทัศน์เศรษฐกิจของดูไบ (D33) และแสดงถึงความเป็นผู้นำระดับโลกด้านบริการทางการเงินและนวัตกรรม

ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, 28 กรกฎาคม 2568 /PRNewswire/ — ศูนย์การเงินนานาชาติดูไบ (DIFC) ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลกชั้นนำในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียใต้ (MEASA) ได้ประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ตอกย้ำบทบาทในการขับเคลื่อนอนาคตของการเงิน และสนับสนุนวาระเศรษฐกิจดูไบ (Dubai Economic Agenda – D33)

 

HE Essa Kazim Governor of DIFC
HE Essa Kazim Governor of DIFC

 

ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2568 มีบริษัทที่ลงทะเบียนใหม่และเปิดดำเนินกิจการในศูนย์เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์จำนวน 1,081 ราย ทำให้จำนวนบริษัทที่ลงทะเบียนทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 7,700 ราย โดยมีผู้เชี่ยวชาญจำนวน 47,901 คน ทำงานอยู่ใน DIFC ในปัจจุบัน

ใบอนุญาตประกอบกิจการด้านบริการทางการเงินทั้งหมดก็เติบโตเพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 มีจำนวน 78 ราย เทียบกับ 61 รายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567

กลุ่มธุรกิจด้านธนาคารและตลาดทุนของ DIFC ประกอบด้วยบริษัท 289 แห่ง เพิ่มขึ้นจาก 247 แห่ง เมื่อปีที่แล้ว จำนวนบริษัทในภาคการบริหารความมั่งคั่งและการจัดการสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 440 แห่ง จาก 370 แห่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ซึ่งเติบโตขึ้น 19% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีกองทุนเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Funds) จำนวน 85 กองทุน ซึ่งในจำนวนนั้น 69 กองทุนเป็นกองทุนที่มีมูลค่ากว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันมีกองทุนมากกว่า 10,000 กองที่ได้รับการบริหารจัดการหรือทำการตลาดโดย DIFC

นอกจากนี้ ยังมีองค์กรที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจครอบครัวจำนวน 1,035 แห่งดำเนินงานจากศูนย์แห่งนี้ เพิ่มขึ้นจาก 600 แห่งเมื่อปีก่อน นอกจากนี้ จำนวนของมูลนิธิที่จัดตั้งขึ้นใน DIFC เติบโตอย่างรวดเร็วเป็น 842 แห่ง จาก 548 แห่ง ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567

มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย 135 รายดำเนินการใน DIFC โดยเบี้ยประกันภัยรับรวม (Gross Written Premiums) เพิ่มขึ้นเป็น 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับปี 2567 เทียบกับ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีก่อนหน้า

จำนวนบริษัท FinTech และบริษัทด้านนวัตกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 1,388 ราย จาก 1,081 ราย ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ซึ่งเพิ่มสูงถึง 28%

นอกจากนี้ จำนวนบริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาคการเงินที่ดำเนินการอยู่ทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 6,335 ราย จาก 4,935 ราย เมื่อปีก่อนหน้า

ฯพณฯ Essa Kazim ผู้ว่าการ DIFC กล่าวว่า “DIFC ยังคงเป็นแรงผลักดันสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจของดูไบ ในฐานะกลไกหลักที่ส่งเสริมการเติบโตขยายตัวและความหลากหลายของภาคบริการทางการเงิน ผลประกอบการที่สม่ำเสมอของเราทั่วทุกภาคส่วนและสถานะระดับโลกที่เพิ่มสูงขึ้น แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการสนับสนุนนวัตกรรม การดึงดูดเงินทุนจากทั่วโลก และเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะของดูไบในฐานะหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันและมีความหลากหลายมากที่สุดของโลก”

ดูไบเป็นหนึ่งใน 8 เมืองของโลก ที่มีขีดความสามารถที่ครอบคลุมและลึกซึ้งในทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมการเงินตามดัชนีศูนย์กลางการเงินโลก (Global Financial Centres Index) ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับลอนดอน นิวยอร์กและปารีส

ขณะนี้มีพื้นที่เชิงพาณิชย์มากกว่า 1.6 ล้านตารางฟุตกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา พร้อมเร่งดำเนินการก่อสร้างเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยพื้นที่ใหม่ดังกล่าวจะพร้อมเปิดให้เข้าใช้งานได้ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2569

รูปภาพ – https://mma.prnasia.com/media2/2739096/HE_Essa_Kazim_Governor_of_DIFC.jpg?p=medium600
รูปภาพ – https://mma.prnasia.com/media2/2739097/DIFC.jpg?p=medium600

 

DIFC
DIFC

 

View original content to download multimedia: Read More