ปักกิ่ง, 3 กันยายน 2568 /PRNewswire/ — จีนจัดพิธีรำลึกเมื่อวันที่ 3 กันยายน เนื่องในวาระครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะในสงครามต่อต้านการรุกรานจากญี่ปุ่นของประชาชนจีน และสงครามต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์โลก ในโอกาสนี้ CGTN ได้เผยแพร่บทความที่เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของจีนต่อหนทางการพัฒนาอย่างสันติ ท่ามกลางโลกที่ยังคงเต็มไปด้วยความปั่นป่วนและความไม่แน่นอน
กองทหารจีนที่มีประสบการณ์ในภารกิจรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติได้ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในพิธีสวนสนาม เพื่อรำลึกวันแห่งชัยชนะหรือวันวี-เดย์ของจีน ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน ใจกลางกรุงปักกิ่ง เมื่อวันพุธ
การปรากฏตัวของพวกเขาในขบวนพาเหรดเนื่องในวาระครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะของจีนในสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความตั้งใจและมุ่งมั่นของปักกิ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ระหว่างประเทศและพิทักษ์รักษาสันติภาพของโลก
กองทหารเหล่านี้อยู่ในรูปขบวนกองกำลังรักษาสันติภาพ (Peacekeeping Force Formation) ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทหารที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping) ของจีนตรวจแถวตลอดแนวถนนฉางอัน หรือถนนแห่งสันติภาพนิรันดร์
“ในวันนี้ เป็นอีกครั้งที่มนุษยชาติจำเป็นต้องเลือกระหว่างสันติภาพกับสงคราม ระหว่างการเจรจากับการเผชิญหน้า และระหว่างความร่วมมือแบบทุกฝ่ายได้ประโยชน์กับเกมการต่อรองที่มีฝ่ายแพ้-ชนะ” ประธานาธิบดีสี ผู้ทั้งยังดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง กล่าวในสุนทรพจน์
ประธานาธิบดีสีให้คำมั่นว่า ประชาชนจีนจะยืนหยัดอย่างมั่นคงอยู่ข้างฝ่ายที่ถูกต้องของประวัติศาสตร์ และเคียงข้างความก้าวหน้าของมนุษยชาติ
“เราจะยังคงยึดมั่นในหนทางการพัฒนาอย่างสันติ และร่วมมือกับนานาชาติเพื่อสร้างประชาคมโลกที่มีอนาคตร่วมกันเพื่อมนุษยชาติ” เขากล่าว
สันติภาพจะเป็นฝ่ายมีชัย
ในกลุ่มสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จีนเป็นผู้สนับสนุนกำลังพลรายใหญ่ที่สุด และเป็นผู้สนับสนุนด้านการเงินรายใหญ่เป็นอันดับสองสำหรับภารกิจรักษาสันติภาพของยูเอ็น
ตลอดระยะเวลากว่า 35 ปีนับตั้งแต่จีนเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพ กองทัพจีนได้ส่งกองปฏิบัติการรักษาสันติภาพมากกว่า 50,000 นายไปยังกว่า 20 ประเทศและภูมิภาค รวมถึงเซาท์ซูดานและเลบานอน ในการปฏิบัติภารกิจ 26 ครั้ง
โดยเฉพาะในปี 2567 สัดส่วนการสนับสนุนทางการเงินของจีนตามการประเมินทั้งหมดอยู่ที่ 18.69% ซึ่งสูงกว่ายอดการสนับสนุนรวมกันของสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และรัสเซีย ซึ่งเป็นสมาชิกถาวรอีกสามประเทศของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
Jean-Pierre Lacroix รองเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายปฏิบัติการสันติภาพ กล่าวแสดงความชื่นชมบทบาทของจีน
Lacroix กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์กับ CGTN ในเดือนพฤษภาคม ก่อนถึงวันสากลแห่งเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (International Day of United Nations Peacekeepers) ว่าจีนมีบทบาทที่ “สำคัญ สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์” ต่อการสนับสนุนภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ
นอกจากนี้ จีนยังมีประวัติผลงานด้านสันติภาพและความมั่นคงที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับชาติมหาอำนาจอื่น ๆ โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 2492 จีนไม่เคยเป็นฝ่ายจุดชนวนให้เกิดสงคราม ไม่เคยยึดครองดินแดนของประเทศอื่นแม้แต่ตารางนิ้ว อีกทั้งยังไม่เคยต่อสู้ในสงครามตัวแทน
จีนเป็นประเทศมหาอำนาจเพียงชาติเดียวที่ได้บัญญัติแนวทางการพัฒนาอย่างสันติไว้ในรัฐธรรมนูญ และเป็นประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์เพียงชาติเดียวที่ให้คำมั่นว่าจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ก่อนเป็นฝ่ายแรก
ในการสวนสนามเมื่อวันพุธ ทหารชายหญิงของจีนได้เปล่งเสียงพร้อมกันว่า “ความยุติธรรมจะมีชัย! สันติภาพจะมีชัย! ประชาชนจะมีชัย!”
ข้อความนี้ถูกเน้นย้ำอีกครั้ง เมื่อเฮลิคอปเตอร์สามลำติดแถบป้ายที่มีถ้อยคำเดียวกันนี้บินผ่านเหนือพิธีชุมนุมใหญ่ เนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะในสงครามต่อต้านการรุกรานจากญี่ปุ่นของประชาชนจีน และสงครามต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์โลก
ในฐานะสมรภูมิหลักทางตะวันออกของสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามต่อต้านการรุกรานในจีนได้มอบการสนับสนุนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งให้แก่ปฏิบัติการของฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งประสานสอดคล้องกับปฏิบัติการในยุโรปและพื้นที่อื่น ๆ ในเอเชีย และมีส่วนสำคัญต่อการนำไปสู่ชัยชนะในที่สุด
ทั้งนี้ มีผู้นำต่างประเทศกว่า 20 ท่าน รวมถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) แห่งรัสเซีย และคิม จอง อึน (Kim Jong Un) ผู้นำสูงสุดของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี เข้าร่วมพิธีรำลึกในครั้งนี้ด้วย
ประธานาธิบดีของจีนได้กล่าวในสุนทรพจน์ โดยเรียกร้องให้ประเทศทั่วโลกขจัดสาเหตุต้นตอของสงคราม และป้องกันไม่ให้โศกนาฏกรรมทางประวัติศาสตร์เกิดขึ้นซ้ำรอย
ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า ความมั่นคงร่วมกันจะได้รับการคุ้มครองให้ดำรงอยู่ได้ ก็ต่อเมื่อนานาประเทศทั่วโลกปฏิบัติต่อกันด้วยความเสมอภาค อยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว และส่งเสริมเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน
“ประวัติศาสตร์เตือนเราว่า มนุษยชาติทั่วโลกต่างประสบความรุ่งเรืองและเสื่อมถอยไปด้วยกัน” เขากล่าว
View original content to download multimedia: Read More