คุณ มินทู คุชวา ผู้ก่อตั้งเชนร้านอาหารหลายแห่งในประเทศไทย อาทิ ร้านอาหาร Mybutterchicken, Pizza and Pasta Corner และ Dum Handi Biryani
ช่วยกล่าวถึงประวัติคร่าว ๆ
คุณ มินทู คุชวา เล่าว่า ชีวิตผมเริ่มจากศูนย์ และผมได้สร้างธุรกิจของผมมาจากจุดเริ่มต้นจนได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในแบรนด์ร้านอาหารอินเดียอันดับต้น ๆ ในกรุงเทพฯ
ผมมาจากเมืองควาลิยัรในรัฐมัธยประเทศ หรือที่เรียกกันว่า “เมืองลำดับสอง” แห่งอินเดียเหนือ ผมมีความหลงใหลในอาหารมาตั้งแต่เด็ก อาหารได้นำทางผมมาสู่เส้นทางแห่งการเป็นเชฟ แต่กระนั้นผมก็เป็นคนช่างฝันเช่นกัน และผมก็ไม่เคยกลัวที่จะฝันในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
ผมมีประสบการณ์ในแวดวงอาหารมามากกว่า 18 ปี ในปัจจุบัน ผมเคยร่วมงานกับแบรนด์และโรงแรมชื่อดังหลายแห่ง เช่น Taj Hotels, Keys Hotels, Royal Orchid Hotels, Citrus, Mahendra and Mahendra, Sky Gourmet และอีกมากมาย
คุณเริ่มสร้างธุรกิจของคุณอย่างไร
ผมฝันมาตลอดว่าผมต้องการสร้างอะไรที่เป็นของผมเอง และด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน ผมจึงตัดสินใจเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ในซอย 22 ชื่อร้านอาหาร Indian Essence Art ในปี พ.ศ. 2560
ร้านตั้งอยู่ในซอยที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมากนัก จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก หลังจากผมเริ่มธุรกิจ ผมต้องปรับลักษณะและรูปแบบของเมนูอย่างรวดเร็ว รวมถึงปรับปรุงการบริการและการนำเสนอให้อยู่ในระดับยอดเยี่ยม พร้อมทั้งสร้างนิยามใหม่ให้กับแบรนด์ ผมต้องการนำเสนอแนวคิดของอาหารในรูปแบบไฟน์ไดน์นิง ที่ผสมผสานกับเทคนิคล้ำๆ ตอบโจทย์ลูกค้าในกรุงเทพฯ ทำให้ลูกค้าจำและนึกถึงร้านของผมได้ ผมวางแบรนด์นี้ในตลาดไฟน์ไดน์นิงและมีบริการสั่งกลับบ้าน แต่งเติมด้วยความล้ำยุคในการบริการ การนำเสนออาหาร ความแตกต่างในการเตรียมอาหาร และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
และการทำงานอย่างหนักของผมก็เริ่มเห็นผล ธุรกิจเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น และได้รับการยกย่องว่าเป็นร้านอาหารระดับสามดาวที่มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารอันแปลกใหม่ ลูกค้าจำนวนมากแวะเวียนมาที่ร้านอาหาร Indian Essence Art เพื่อดื่มด่ำไปกับบรรยากาศและอาหารอันเลิศรส ในขณะที่เรากำลังมีความสุขกับการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า โรคระบาดก็เกิดขึ้น
คุณต้องเจอกับอะไรบ้างในช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และคุณเอาชนะความท้าทายนี้ได้อย่างไร
เช่นเดียวกับธุรกิจอื่น ๆ ในแวดวงอาหารและบริการในกรุงเทพฯ การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดที่ธุรกิจของเราเคยพบเจอ แต่ผมเชื่อว่าทุกวิกฤตล้วนมาพร้อมกับโอกาส โอกาสในการเรียนรู้และการเติบโต ผมสู้กับสถานการณ์ในครั้งนี้ด้วยการใช้ไหวพริบ ความคิดสร้างสรรค์ และประสบการณ์ด้านอาหารและได้พัฒนาร้านอาหาร ดัม ฮินดี บิรยานี ขึ้นมา
ข้าวบิรยานีถือเป็นหนึ่งในอาหารดั้งเดิมของประเทศอินเดียที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเฉกเช่นรสชาติที่เข้มข้นเป็นเอกลักษณ์ เป็นมื้ออาหารที่อบอวลด้วยกลิ่นและรสชาติอันโดดเด่นและมีหน้าตาน่ารับประทาน ใช้วัตถุดิบหลักคือข้าวบาสมาติ ประกอบด้วยเนื้อและผัก และผมยังได้คิดค้นส่วนผสมเครื่องเทศชนิดพิเศษ ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะสำหรับ ดัม ฮินดี บิรยานี
ดัม ฮินดี บิรยานี ของแท้จะใช้กรรมวิธีการปรุงด้วยหม้อดินแบบดั้งเดิม (ฮินดี) ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคกลาง ซึ่งคุณสมบัติการมีรูพรุนเล็ก ๆ ของหม้อดินจะช่วยกักเก็บกลิ่นหอมอันเข้มข้นของอาหารได้ยาวนานราว 24-36 ชั่วโมง และเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าพร้อมทั้งหม้อที่ใช้ปรุง เรานำเสนอมรดกทางอาหารพร้อมความล้ำสมัยประสบการณ์ที่คุณไม่สามารถหาได้จากที่อื่น
เพื่อตอบโจทย์ความชอบของลูกค้าในรสชาติที่แตกต่าง (ข้าวบิรยานีเป็นที่นิยมทั้งในกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติในไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก) เมนูของเรารวบรวมบิรยานีหลากหลายชนิดจากทั่วทวีปเอเชีย โดยมีทั้งบิรยานีแบบมังสวิรัติและไม่ใช่มังสวิรัติ
ดัม ฮินดี บิรยานี นำเสนออาหารอินเดียต้นตำรับ พร้อมกับวิธีการปรุงและการเสิร์ฟที่ไม่เหมือนใคร มาพร้อมกับรสชาติที่ดีเยี่ยม สิ่งเหล่านี้ช่วยสร้างความแตกต่างของแบรนด์ในการจัดโมเดลส่งอาหาร ทำให้เราสามารถสร้างตัวตนของเราในตลาดได้
Dum Handi Biryani ช่วยสนับสนุนเศรฐกิจในท้องถิ่นได้อย่างไร
ดัม ฮินดี บิรยานี ไม่เพียงแต่มอบโอกาสทางธุรกิจเท่านั้น เรายังได้สร้างแนวคิดในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจด้วยการให้การสนับสนุนช่างปั้นหม้อ โดยเฉพาะในช่วงโรคระบาดอันยากลำบาก
ดัม ฮินดี บิรยานี ของแท้จะใช้กรรมวิธีการปรุงด้วยหม้อดินแบบดั้งเดิม (ฮินดี) ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคกลาง ซึ่งคุณสมบัติการมีรูพรุนเล็ก ๆ ของหม้อดินจะช่วยกักเก็บกลิ่นหอมอันเข้มข้นของอาหารได้ยาวนานราว 24-36 ชั่วโมง ทำให้หม้อดินเผาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรังสรรค์รสชาติและประสบการณ์ที่เยี่ยมยอด เพราะเหตุนี้ ทางร้านจึงช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนปั้นหม้อทั่วประเทศ ในช่วงเวลาที่ความต้องการของหม้อดินเผาลดลง
ดัม ฮินดี บิรยานี ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด
ในปัจจุบัน ดัม ฮินดี บิรยานี ได้เสิร์ฟข้าวหมกบิรยานีในหม้อดินเผาจำนวนมากกว่า 1 ล้าน หม้อต่อปี ให้กับชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยว และลูกค้าชาวไทยในกรุงเทพฯ
ความภักดีต่อแบรนด์เป็นปัจจัยหลักในความสำเร็จของธุรกิจ เราพบว่าเมื่อลูกค้าหลายคนได้ทาน ดัม ฮินดี บิรยานี เป็นครั้งแรก ร้านของเราก็ได้กลายเป็นร้านโปรดของลูกค้าในทันที และพวกเขาไม่ต้องการทานบิรยานีที่ที่อื่นอีกเลย
ความภักดีต่อแบรนด์ช่วยให้ ดัม ฮินดี บิรยานี มีความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก และทำให้ผมมีความหวังว่าธุรกิจของเราจะมีอนาคตที่ยั่งยืน
คุณวางแผนอะไรไว้บ้างในอนาคต
เสียงตอบรับที่ดีมากต่อ ดัม ฮินดี บิรยานี ทำให้ผมเชื่อว่าเรามีศักยภาพสูงในการขยายธุรกิจ ผมวางแผนจะสร้างแฟรนไชส์ ดัม ฮินดี บิรยานี จำนวนกว่า 100 ร้าน เพื่อเสิร์ฟอาหารอินเดียดั้งเดิมให้กับลูกค้าทั่วประเทศไทย โดยผมตั้งเป้าไว้ทั้งในรูปแบบแฟรนไชส์เป็นเจ้าของและเจ้าของแบรนด์เป็นผู้บริหาร (FOCO) และรูปแบบแฟรนไชส์เป็นทั้งเจ้าของร้านและผู้บริหาร (FOFO)
เรายังวางแผนจะสนับสนุนชุมชนช่างปั้นหม้อมากกว่า 5,000 แห่งภายในปี พ.ศ. 2573 เพื่อทำตามคำสัญญาของเราที่จะช่วยสนับสนุนสังคมและเศรษฐกิจต่อไป
เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ http://www.dumhandibiryani.com
ร้านอาหาร ดัม ฮินดี บิรยานี มีสาขาตั้งอยู่ที่
Opp Holiday Inn ซอยสุขุมวิท 22
Opp Park Avenue ซอยสุขุมวิท 22
ซอยสุขุมวิท 11 ทางออกสถานี BTS นานา
เกี่ยวกับ ดัม ฮินดี บิรยานี
ดัม ฮินดี บิรยานี คือแบรนด์เดียวในประเทศไทยที่นำเสนอเมนูข้าวบิรยานีที่ปรุงด้วยกรรมวิธีดั้งเดิมที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคกลาง จนเป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงในเรื่องรสชาติต้นตำรับและประสบการณ์มื้ออาหารชั้นเลิศใจกลางมหานครกรุงเทพฯ ทั้งสาขาในโซนสุขุมวิท (สาขาสุขุมวิท 22 พาร์ค อเวนิว, ตรงข้ามโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์, สาขาซอยสุขุมวิท 22 ตรงข้ามโรงแรมฮอลิเดย์อินน์ และสาขาซอยสุขุมวิท 11 ติดกับทางออกสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสบางนา บริการในพื้นที่กว้างขวางโดยสามารถรองรับลูกค้าได้มากกว่า 500 ที่นั่ง
แบรนด์ดัม ฮินดี บิรยานี ได้รับการดูแล พัฒนา และต่อยอดโดยเชฟมินทู คุชวา เชฟผู้ก่อตั้งร้าน ซึ่งมีชื่อเสียงและเปี่ยมประสบการณ์ด้านการปรุงอาหารหลากสไตล์ในโรงแรม 5 ดาวชื่อก้องหลายแห่งตลอดชีวิตการทำงานในฐานะเชฟมืออาชีพมานานกว่า 20 ปี หากเมนูดัม ฮินดี บิรยานี ยังคงเป็นรักครั้งแรกและความหลงใหลที่แท้จริงของเขาเสมอมา