เซาเปาโล, 28 สิงหาคม 2568 /PRNewswire/ — CATL ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันกักเก็บพลังงานนวัตกรรมใหม่ ได้เปิดตัวเทคโนโลยีล่าสุดในโอกาสเข้าร่วมงานครั้งแรกที่ Smarter E South America ปี 2568 ซึ่งเป็นงานจัดแสดงระบบกักเก็บพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของทวีป ทั้งนี้ TENER Stack ซึ่งเป็นระบบกักเก็บพลังงานแบบวางซ้อนกันได้ขนาดใหญ่พิเศษ 9 เมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) รุ่นแรกของโลกในปัจจุบัน สามารถปรับใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีเซลล์หลายรูปแบบของ CATL โดยมอบทางเลือกทั้งเทคโนโลยีการเสื่อมสภาพเป็นศูนย์นานสูงสุด 5 ปี หรือความทนทานต่ออุณหภูมิสูง จึงเหมาะสมกับสภาพอากาศที่หลากหลายของทวีปอเมริกาใต้ และย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ CATL ต่อการพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาค
“บราซิลเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการปรับใช้ระบบกักเก็บพลังงานที่มีความหลากหลายที่สุดในโลก ด้วยประสบการณ์ของเราที่ผ่านการพิสูจน์แล้วในการนำเสนอโซลูชันผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายในการลดการปล่อยคาร์บอน และด้วยความร่วมมืออย่างแข็งแกร่งกับพันธมิตรท้องถิ่นที่เรากำลังสร้างขึ้น เรามีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของภูมิภาคนี้” Ray See ประธานบริหาร ฝ่ายธุรกิจการกักเก็บพลังงานประจำภูมิภาคอเมริกา กล่าว
ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สภาพแวดล้อมที่ท้าทายของบราซิล
ตลาดพลังงานของบราซิลกำลังอยู่ในจุดพลิกผัน พร้อมที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วจากโครงข่ายไฟฟ้าที่พึ่งพาพลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก ซึ่งทำให้เกิดความต้องการโซลูชันด้านความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการพลังงาน BloombergNEF ชี้ให้เห็นว่าการกักเก็บพลังงานในบราซิล “กำลังจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด” และภายในปี 2593 บราซิลจะต้องการเงินลงทุนด้านพลังงานมากกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตอันมหาศาล
เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนี้ CATL ได้เปิดตัว TENER Stack นวัตกรรมปฏิวัติวงการ ที่แสดงให้เห็นถึงก้าวกระโดดครั้งสำคัญด้านความจุ ความยืดหยุ่นในการติดตั้ง ความปลอดภัย และความสะดวกคล่องตัวในการขนส่ง
ระบบนี้สามารถกักเก็บพลังงานได้ 9 เมกะวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเพียงพอที่จะชาร์จรถบัสไฟฟ้า 45 คันที่ใช้แบตเตอรี่ขนาด 200 กิโลวัตต์ชั่วโมงได้จนเต็ม หรือจ่ายไฟฟ้าให้ครัวเรือนเฉลี่ยของบราซิลได้นาน 6 ปี นอกจากนี้ยังใช้พื้นที่ดินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 45% และให้ความหนาแน่นพลังงานที่คาดการณ์ไว้สูงกว่าระบบตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐานขนาด 20 ฟุตถึง 50% สำหรับโครงการขนาดใหญ่ จะใช้จำนวนตู้คอนเทนเนอร์น้อยลงถึง 45% ในการสร้างสถานีไฟฟ้าขนาด 800 เมกะวัตต์ชั่วโมง เมื่อเทียบกับระบบ 5 เมกะวัตต์ชั่วโมง
ความยืดหยุ่นยังถูกออกแบบมาในตัว ด้วยดีไซน์แบบ “สองในหนึ่ง” ที่มีน้ำหนักไม่ถึง 36 ตัน ช่วยรับรองได้ว่าเป็นไปตามข้อกำหนดด้านการขนส่งในตลาด 99% ทั่วโลก ความเข้ากันได้กับวิธีการขนส่งมาตรฐานก็ช่วยลดต้นทุนการขนส่งได้สูงสุดถึง 35% ขณะเดียวกันจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลงยังช่วยให้มั่นคงมากขึ้น แม้บนเส้นทางที่มีสะพาน อุโมงค์ และมีข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานในชนบทหรือพื้นที่ห่างไกล
ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือถูกฝังอยู่ใน TENER Stack โดยระบบนี้ใช้เคมีแบตเตอรี่ LFP เพื่อความเสถียรด้านความร้อน พร้อมมีระบบเซนเซอร์ก๊าซรุ่นอัปเกรดที่มีความไวเพิ่มขึ้น 40% ช่วยให้ระบบดับเพลิงทำงานได้เร็วขึ้นถึง 35% ฉนวนสามชั้นยังสามารถทนไฟได้นานสูงสุด 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ ระบบนี้ยังผ่านมาตรฐานทนทานแผ่นดินไหว IEEE693 หรืออีกนัยหนึ่งคือ สามารถทนทานต่อแผ่นดินไหวขนาด 9 แมกนิจูด และพายุเฮอริเคนระดับ 5 ระบบจัดการความร้อนแบบติดเพดานยังช่วยรักษาระดับเสียงให้ต่ำเหลือเพียง 65 เดซิเบลเอ จึงเหมาะสมสำหรับการใช้งานในเขตเมือง
ตลาดบราซิลและประเทศอื่น ๆ ในอเมริกาใต้ยังเผชิญกับอุปสรรคท้าทายเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของโครงข่ายไฟฟ้าที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง อุณหภูมิแวดล้อมที่สูง และทรัพยากรการบำรุงรักษาที่มีจำกัดในพื้นที่ห่างไกล TENER Stack จึงถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อตอบโจทย์เงื่อนไขที่หลากหลายเหล่านี้
เซนเซอร์ก๊าซรุ่นใหม่ของระบบมีอายุการใช้งานแบบไม่ต้องบำรุงรักษานานถึง 10 ปี เมื่อเทียบกับเซนเซอร์ทั่วไปที่มีอายุเพียง 2 ปี ช่วยลดความเสี่ยงเกิดการหยุดชะงักในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก ขณะเดียวกัน ระบบ UPS ของตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกออกแบบใหม่ให้สามารถพึ่งพาพลังงานด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ตะกั่วกรดที่มีอายุการใช้งานสั้น หรือแบตเตอรี่ LFP ที่มีอายุ 8 ปีอีกต่อไป ส่งผลให้สามารถยืดเวลาการสำรองไฟสำหรับระบบ BMS และพัดลมป้องกันการระเบิดจาก 20 นาทีเป็น 2 ชั่วโมงในระหว่างที่เกิดไฟฟ้าดับ
นอกจากนั้น เมื่อผนวกรวมกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อย่าง EnerOne+ และซีรีส์ TENER ต่าง ๆ CATL นำเสนอทางเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้นสำหรับโครงการด้านพลังงาน ทั้งในรูปแบบออฟกริด การพาณิชย์ และในระดับสาธารณูปโภค ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก และติดตั้งระบบลดความชื้นในตัว ทำให้สามารถทนทานต่อสภาพอากาศชื้นของป่าฝนได้ อีกทั้งยังทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือในอุณหภูมิสุดขั้วตั้งแต่ -35°C ถึง 55°C ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ CATL จึงสามารถมอบโซลูชันพลังงานที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการให้แก่โครงการทุกขนาดทั่วทั้งบราซิลและภูมิภาคอเมริกาใต้
มุ่งมั่นสู่อนาคตพลังงานยั่งยืนของอเมริกาใต้
CATL ได้สร้างความสำเร็จครั้งสำคัญในบราซิลแล้ว ด้วยการจ่ายพลังงานให้แก่โครงการกักเก็บพลังงานระดับสาธารณูปโภคแห่งแรกของประเทศ คือ Registro Energy Storage Project ในปี 2565 หลังจากดำเนินงานอย่างมั่นคงต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3 ปี โครงการนี้ได้กลายเป็นต้นแบบมาตรฐานของอุตสาหกรรมกักเก็บพลังงานในอเมริกาใต้ และในปีนี้ยังได้บรรลุหมุดหมายสำคัญด้วยการขยายสถานีไฟฟ้าแห่งแรก สะท้อนถึงการเติบโตระยะใหม่ของ CATL ในตลาดท้องถิ่น
นอกเหนือจากบราซิล CATL ยังได้เดินหน้าขยายโครงสร้างธุรกิจทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เร่งการเติบโตของอุตสาหกรรม และพัฒนาขีดความสามารถหลักทั่วภูมิภาคอเมริกาใต้อย่างไม่หยุดยั้ง ปัจจุบันบริษัทกำลังเดินหน้าสร้างทีมงานท้องถิ่นในชิลี อาร์เจนตินา เม็กซิโก โคลอมเบีย และสาธารณรัฐโดมินิกัน
ในเดือนกันยายนนี้ สำนักงานแห่งใหม่ของ CATL ประจำอเมริกาใต้จะเปิดทำการในชิลี เพื่อมอบความเชี่ยวชาญในพื้นที่และการสนับสนุนลูกค้าในการพัฒนานวัตกรรม ด้วยซีรีส์ TENER และผลิตภัณฑ์กักเก็บพลังงานล้ำสมัยอื่น ๆ CATL ยังคงเดินหน้าผลักดันขอบเขตของนวัตกรรม และตอกย้ำพันธกิจของบริษัทในการช่วยเหลือพันธมิตรทั้งในอเมริกาใต้และทั่วโลกเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ด้วยการส่งมอบโซลูชันที่ยืดหยุ่น ปลอดภัย และยั่งยืนยิ่งขึ้น
ณ สิ้นครึ่งปีแรกของปี 2568 ผลิตภัณฑ์ระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) ของ CATL ได้ถูกนำไปใช้งานแล้วในกว่า 2,000 โครงการทั่วโลก ครอบคลุมทุกเขตภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติการ นอกจากนี้ CATL ยังครองอันดับหนึ่งด้านส่วนแบ่งตลาดการจัดส่งแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานทั่วโลกติดต่อกัน 4 ปีซ้อน จนถึงปี 2567 โดยมียอดการส่งมอบและติดตั้งรวมกว่า 93 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh)
View original content to download multimedia: Read More