Skip to content
Home » PR Newswire » Envision Energy ขึ้นแท่นผู้นำในรายชื่อบริษัทพลังงานสะอาดกลุ่ม Tier 1 ของ S&P Global ปี 2568 ด้วยความเป็นเลิศด้านพลังงานลมและการกักเก็บพลังงาน

Envision Energy ขึ้นแท่นผู้นำในรายชื่อบริษัทพลังงานสะอาดกลุ่ม Tier 1 ของ S&P Global ปี 2568 ด้วยความเป็นเลิศด้านพลังงานลมและการกักเก็บพลังงาน

เซี่ยงไฮ้, 18 กันยายน 2568 /PRNewswire/ — Envision Energy ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีสีเขียว ได้รับการยกย่องให้ติดกลุ่ม Tier 1 ทั้งในฐานะผู้จัดหากังหันลมและผู้จัดหาระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ในรายชื่อ Tier 1 Cleantech Companies ปี 2568 ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดย S&P Global Commodity Insights การยกย่องครั้งนี้เน้นให้เห็นถึงบทบาทที่มั่นคงของ Envision ในตลาดโลก ผลดำเนินงานด้านการเงินที่แข็งแกร่ง และแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนระดับผู้นำในอุตสาหกรรม ตอกย้ำบทบาทของบริษัทในฐานะพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านทั่วโลกไปสู่สังคมคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

รายชื่อของ S&P Global นี้เน้นนำเสนอผู้ผลิตพลังงานสะอาดที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดในโลก ซึ่งครอบคลุมทั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ อินเวอร์เตอร์สำหรับเซลล์แสงอาทิตย์ กังหันลม และระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) โดยบริษัทที่ได้รับเลือกต้องผ่านเกณฑ์อย่างน้อย 4 ใน 6 มิติสำคัญ ได้แก่ บทบาทความโดดเด่นในตลาด, ส่วนแบ่งตลาด, ขนาดธุรกิจ, การกระจายธุรกิจในระดับโลก, ความแข็งแกร่งทางการเงิน และความยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดนี้อ้างอิงจากข้อมูลเฉพาะที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ S&P

“ในฐานะการจัดอันดับซัพพลายเออร์ครั้งแรกที่ผสานรวมความยั่งยืนให้เป็นหนึ่งในเกณฑ์หลักในการตัดสิน รายชื่อ Tier 1 ของเราถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ผลิตเทคโนโลยีพลังงานสะอาดสามารถโดดเด่นท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันสูง และเพื่อช่วยสนับสนุนให้ผู้พัฒนาโครงการและผู้รับซื้อไฟฟ้าสามารถค้นหาพันธมิตรที่เชื่อถือได้” Edurne Zoco, Ph.D., กรรมการบริหารฝ่ายวิจัยและวิเคราะห์ เทคโนโลยีพลังงานสะอาด ของ S&P Global Commodity Insights กล่าว

ขณะที่ระบบนิเวศด้านพลังงานทั่วโลกเร่งเดินหน้าไปสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ Envision Energy ได้ก้าวขึ้นมาเป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจ ด้วยการผสานนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ากับโซลูชันพลังงานหมุนเวียนแบบบูรณาการ ธุรกิจด้านพลังงานลมของบริษัทติดกลุ่มหนึ่งในผู้ผลิตกังหันลมชั้นนำของโลกทั้งในแง่ยอดสั่งซื้อและการติดตั้ง ทั้งยังได้เร่งขยายธุรกิจสู่ตลาดระดับสากล เช่น ออสเตรเลียและตุรกีอย่างรวดเร็วในปี 2568 ศักยภาพด้านการวิจัยพัฒนาและการผลิตภายในของบริษัท ขับเคลื่อนให้สามารถพัฒนาแพลตฟอร์มกังหันรุ่นใหม่ได้สำเร็จ รวมถึง Model T Pro, Model Z Pro และต้นแบบกังหันสองใบพัดที่ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำงานได้อย่างเสถียรต่อเนื่องยาวนานกว่า 500 วัน พร้อมทั้งมอบความคุ้มค่าในด้านต้นทุน ความสะดวกในการขนส่ง และความสามารถติดตั้งได้แบบโมดูลาร์

ในธุรกิจระบบกักเก็บพลังงาน Envision ก้าวขึ้นสู่อันดับ 4 ของโลก และเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาระบบแบบบูรณาการไม่กี่รายที่สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ แม้ส่วนแบ่งรวมของ 5 อันดับแรกจะลดลงจาก 62% ในปี 2565 เหลือ 48% ในปี 2567 ปัจจุบันบริษัทได้ส่งมอบความจุการกักเก็บพลังงานแล้วมากกว่า 30 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) และยังได้รับคำสั่งซื้อใหม่เกินกว่า 50 กิกะวัตต์ชั่วโมง พร้อมทั้งติดตั้งโครงการไปแล้วกว่า 300 โครงการทั่วโลก โซลูชันแบบครบวงจรของบริษัท ตั้งแต่เซลล์แบตเตอรี่ ไปจนถึงระบบจัดการพลังงาน (EMS) และระบบ Grid-forming ช่วยรองรับการควบคุมความถี่ การบูรณาการพลังงานหมุนเวียน และความสามารถในการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้ด้วยตัวเอง (black-start) ซึ่งช่วยให้พันธมิตรสามารถสร้างโครงข่ายไฟฟ้าที่สะอาด เชื่อถือได้ และชาญฉลาด

ด้วยผลงานด้านความยั่งยืนที่โดดเด่น ซึ่งได้รับการยอมรับด้วยรางวัล EcoVadis Gold Medal และการจัดให้อยู่ใน รายชื่อ CDP Climate Change A List (ซึ่งติดอันดับท็อป 2% ของโลก) การที่ Envision ได้รับเลือกให้ติดในรายชื่อ Tier 1 ของ S&P Global ครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในด้านนวัตกรรมพลังงานลมและการกักเก็บพลังงาน รวมถึงศักยภาพในการส่งมอบโซลูชันด้านพลังงานที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง และสามารถขยายขนาดได้ ที่จะช่วยเร่งให้โลกก้าวสู่เป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ได้เร็วขึ้น

 

View original content to download multimedia: Read More